วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557

Day 8 - Bye Bye Tokyo

Flight วันนี้ออก 16.40 แต่ตั้งใจไปถึงสนามบินไม่เกินบ่ายโมง ก็เลยคิดว่าวันนี้คงไม่ไปไหนแล้ว จัดการแพ็คของเรียบร้อย แล้วก็ให้เด็กๆ อยู่ที่ห้อง เดินไปซื้อ Mos Berger กะว่าจะเอาไปกินที่สนามบิน พี่เธียรชอบกินเบอร์เกอร์ บอกเขาตั้งแต่วันแรกที่มาแล้วว่า Mos Berger นี่ดังนะ ไม่ลองหน่อยเหรอ ด้วยความที่ตั้งใจมากินอาหารญี่ปุ่น เห็นเบอร์เกอร์ก็เลยไม่สนใจ จนวันกลับถึงได้ลอง ซื้อให้ไอโกะกับโอกิด้วย ปรากฎว่าอร่อยถูกใจทุกคน นึกเสียดายว่าวันที่ไป Disney Land น่าจะซื้อไปกินด้วย เพราะง่ายและสะดวก แถมอร่อยอีกตะหาก

เมื่อวาน Josh ไลน์ถามว่าจะ Check out กี่โมง บอกว่าเราจะออกตอนเที่ยง ให้เขามาก่อนสักสิบนาที แต่เที่ยงแล้วก็ยังไม่มา เลยล็อคห้องแล้วทิ้งกุญแจไว้ให้ใน Mail Box ตอนหลังเขาก็ไลน์มาขอโทษที่มาไม่ทัน แต่ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี ทำไม้แขวนเสื้อเขาหักไปอันนึง กับทิ้งขยะไว้เยอะทีเดียว เขาบอกว่าลูกเราลืมดาบ และถ้วยกาแฟ (ได้แถมมาจากซื้อรองเท้า) จะให้ส่งตามมามั้ย จริงๆ แล้วไม่ได้ลืม แต่มันเป็นภาระที่ไม่อยากแบบกลับมาตะหาก

วันกลับตรงวันอาทิตย์เหมือนวันมา รถไฟฟ้าก็เลยคนไม่เยอะ ซึ่งเป็นเรื่องดี เพราะกระเป๋าเราหนักเพิ่มขึ้น ต้องเปลี่ยนสายด้วยครั้งนึง ไปถึงสนามบิน คนน้อยมาก ถึงก่อนเวลาเช็คอินพอสมควร พอถึงเวลาก็ได้คิวแรกๆ แป๊บเดียวก็เสร็จ มีเงินเหลือใน Suica เลยเอาไปซื้อของให้หมด ก่อนจะเอาบัตรไป Refund เอาเงินประกันคืน ก่อนผ่านตม. เจ็บใจว่า ทำไมไม่มีใครเตือนเลยว่าไม่ควรซื้อ Royce ด้านนอก เพราะมันต้องเสีย Vat ถ้าผ่านตม. เข้าไปแล้ว มันจะไม่มี vat  ของฝากที่ขายในสนามบิน ราคาเดียวกับนอกสนามบิน แถมไม่มี vat คราวหน้าจะจำไว้ ไม่ให้พลาดอีก

ปล. 1 ทุกคนที่ไปญี่ปุ่นจะบอกว่าชอบมากๆ สงสัยเหมือนกันว่า อะไรจะขนาดนั้น วันแรกที่ถึง ก็ให้ความรู้สึกว่าไม่ค่อยต่างจากลอนดอน บ้านเรือนผู้คนเป็นระเบียบ การเดินทางไปไหนมาไหนสะดวก ไม่ได้รู้สึกว่าพิเศษมากเหมือนที่ใครๆ ว่ากัน แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่า เออ จริงๆ แล้วประเทศนี้มันดีจริงๆ โน่น นี่ นั่น รวมกันแล้วก็รู้สึกว่า เข้าใจแล้ว ทำไมคนถึงชอบมาญี่ปุ่น ไอโกะกับโอกิไม่คิดถึงบ้านเลย ไม่อยากกลับ อยากอยู่ต่อ ทั้งๆ ที่วันๆ เดินเยอะมาก มีแต่โอกุคนเดียวที่บ่นว่าไม่ชอบหรอก เพราะที่นี่มันเมื่อยมากๆ เมื่อยสุดๆ เลย โอกุเดินไม่ไหวแล้วนะ  เป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรก ที่ไม่รู้สึกคิดถึงกระเพรา ไข่ดาว

ปล. 2 ก่อนไป เป็นห่วงมากว่า โอกุจะไปพลาดท่าเกิดอุบัตเหตุอะไรอีกหรือเปล่า พยายามดูแลอย่างดี แต่ก็ไม่พ้นจนได้ ที่พักมีพื้นต่างระดับ โอกุสะดุดล้ม ทำให้ขาเจ็บ แต่อาจจะเป็นที่อากาศเย็น ทำให้อาการไม่มาก หรือจะเป็นเพราะอึดก็ไม่รู้ เดินแบบขากระเผลกไปไหนๆ ได้ตั้งหลายวัน จนกลับมาถึงเมืองไทย เห็นว่าขาบวมนิดๆ เลยเอาไปหาหมอดีกว่า หมอจับๆ ดู บีบ กด ให้เดิน เขย่ง ยืนขาเดียว ก็ทำได้ หมอเดาว่า เอ็นอาจจะอักเสบ แต่น่าจะดีขึ้นแล้ว ให้ดูอาการอาทิตย์หนึ่ง ถ้าไม่หายค่อยมาดูใหม่

ปล. 3 เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปี ที่นอนหลับยาวแบบไม่ตื่นกลางดึก ไม่รู้สึกตัว ไม่ปวดฉี่ โอกุก็ไม่ตื่นเหมือนกัน ลืมไปแล้วว่าหลับสบายมันเป็นยังไง

ปล. 4 ได้กรรไกรตัดเล็บมา 3 อัน เป็นของที่ตั้งใจไปซื้อโดยเฉพาะ แล้วก็คว้า Moilip ลิปมันแบบครีมของ Shizedo จาก Sun Drug แบบไม่คาดหวัง เพราะเป็นคนที่ปากแห้งมาก ใช้อะไรก็ไม่ช่วย แต่ปรากฎว่าดีเหลือเชื่อ หลอดบีบทิ้งไว้ในรถก็ไม่ต้องกลัวละลายเลอะเทอะ

ปล. 5 ตอนโอกิไม่ถึงสองขวบไปออสเตรเลียกันเอง นาน 2 อาทิตย์ รู้สึกว่าชิลๆ จัดการได้ แต่พอมีโอกุเป็นคนที่สาม ทดลองไปมาเลเซียแค่ 3 วัน รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นก็ใช้บริการทัวร์มาตลอด ความคิดที่จะไปเองไม่มีอยู่ในหัวเลย ไปญี่ปุ่นคราวนี้ทำให้ความสนุกในการเดินทางด้วยตัวเองกลับมาอีกครั้ง

ปล. 6 พบว่าตัวเองมีความสุขกับการทำงานจริงๆ ไม่ว่าจะมีปัญหาจุกจิกกวนใจ มีเรื่องบ่นสารพัด แต่ก็คิดถึงงานที่ทำอยู่ดี

ปล. 7 ตั้งแต่เริ่มเขียน diary ตั้งแต่ตอนมีไอโกะ พยายามจะเขียนบันทึกการเดินทางทุกครั้งที่ไป แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เก็บได้ครบทุกวัน ดีใจ

วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

Day 7 - Shinjuku-Harajuku-Ginza

เมื่อวานกลับถึงที่พักห้าทุ่มกว่า วันนี้ก็เลยนอนกันเต็มที่ กว่าจะอาบน้ำ หาอะไรกินเสร็จก็เกือบสิบโมงถึงได้ออก วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ต้องจัดการภารกิจหาของฝากให้น้องๆ ที่ออฟฟิศให้สำเร็จ มีคนบอกว่าร้าน Sun Drug มีทั่วไป แต่บังเอิญแถวที่พักหาไม่มี Google บอกว่ามีที่ Shinjuku ก็เลยไปตามลายแทง ได้ครีมเปลี่ยนสีผมและโฟมล้างหน้าหลากชนิด หลายยี่ห้อ ล้วนแล้วแต่อ่านไม่ออก เห็นแค่ Made in Japan ก็เชื่อใจแล้ว คนชาตินี้เขาถือได้ จำไม่ได้แล้วว่าเลิกใช้โฟม หรือครีมล้างหน้ามาเป็นสบู่ธรรมดาตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้แต่ว่าเมื่อก่อนซื้อๆ มาใช้ ไม่เคยถูกใจเหมือนโฆษณา แต่พอต้องมาซื้อเป็นของฝาก ก็รู้สึกว่ามันน่าใช้ดี ลองเลือกส่งๆ มาอันนึง ทดลองใช้แล้วก็ดีเหมือนกัน จะว่าไปที่ขายๆ ในเมืองไทยมันก็อาจจะดีก็ได้ แต่เราไม่เคยซื้อมาใช้เองก็เลยไม่รู้

ร้านแบบนี้เป็นอะไรที่เพลิดเพลินมาก ดูมันน่าใช้ น่าซื้อไปหมด ตอนที่หยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กของไอโกะออกจากที่พักตอนเช้า พี่เธียรถามว่าต้องใช้กระเป๋าเลยเหรอ ใช่แร้ววว เพราะเรามีประสบการณ์ในการหิ้วของพะรุงพะรังมาก่อน แถมยังมีลูกอีกสาม รับรองว่าไม่สนุกแน่นอน พอเป็นกระเป๋าลาก ทั้งโอกิและโอกุก็แย่งกันลาก มีคนช่วย สบายไป ถ้าเป็นถุงที่ต้องหิ้ว ตายแน่ๆ ทางเดินในประเทศที่เจริญแล้วแบบนี้ สะดวกแก่การลากกระเป๋ามาก ทางลาดทางเรียบไม่มีอุปสรรค ถ้าเป็นฟุตบาทบ้านเรา ลากไม่ถึงร้อยเมตร ล้อกระเด็นแน่ๆ

ได้ของฝากครบแล้วก็สบายใจ ย้ายจาก Shinjuku ไปเดินเล่นกินเครปที่ Harajuku กันต่อ คิดว่าไปเร็วเกินไปเลยไม่ค่อยเห็นคนแต่งคอสเพลย์กันเท่าไหร่ เห็นอยู่กลุ่มเดียวเท่านั้นเอง ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่มาเดินเที่ยวทั่วไป ไอโกะได้เป้เล็กใบหนึ่ง โอกิและโอกุได้แว่นกันแดดคนละอัน เสร็จแล้วก็ไปย่าน Ginza ต่อ ออกจากสถานีก็เห็นคนเดินบนถนน เข้าใจว่าเขาปิดถนนให้คนเดินในวันหยุด เด็กๆ ไม่เคยเห็น ตื่นเต้นกันใหญ่ โอกุบอก เดินสบายเลยนะหม่าม้า ไม่มีรถวิ่งเลย นอนก็ได้นะเนี่ย พี่เธียรได้เสื้อแจ็คเก็ตตัวหนึ่ง สองหนุ่มได้ชุดนอนแบบญี่ปุ่นคนละชุด หนุ่มคนขายน่ารักมาก สอนว่ารอยพับที่เย็บตรงไหล่นี้ สามารถเลาะตะเข็บออกได้เพื่อขยายขนาด เมื่อเด็กโตขึ้น แล้วก็บอกว่าตัวไหนที่ทำญี่ปุ่น ตัวไหนที่ทำในจีน โอกิชอบมาก ใส่ทุกวัน บอกว่าใส่สบาย เสียดายว่าน่าจะซื้อมาสักสองชุด

เดินกระหน่ำมา 7 วันติดๆ คงจะเหนื่อยไม่น้อย (เฉลี่ยวันละ 7-8 กม.) ตัวเล็กทั้งสามเริ่มบ่นว่า อยากกลับที่พักแล้ว วันนี้เลยกลับเร็ว ลงที่ Meguro เพื่อซื้ออาหารสำเร็จรูปที่ร้านประจำกลับไปกิน พร้อมกับ Cheese Cake เตรียมกลับบ้านด้วย ยืนตัดสินใจอยู่นานว่าจะเอาไป 2 กล่องดีไหม มีสติกเกอร์ 5% off ด้วย อันที่มีส่วนลด เพราะหมดอายุก่อนวันนึง ดูวันหมดอายุแล้วได้แค่ 3 วัน กินคนเดียวก็กลัวจะเพิ่มน้ำหนัก ตัดใจเอาไปกล่องเดียว (แต่พอกลับถึงเมืองไทย โอกิมาขอกินด้วย แล้วก็ติดใจ แย่งแม่กินอีก เสียดายว่าน่าจะเอามาสองกล่อง)

พอจัดการให้ลูกๆ กินอาหารเรียบร้อย พ่อแม่ก็ชวนกันออกไปเดินเล่นสำรวจแถวละแวกที่พัก (ทิ้งให้ลูกอยู่กันเอง สั่งว่าไม่ให้ออกจากห้อง ยกเว้นเกิดไฟไหม้ ให้วิ่งลงบันไดไปข้างล่าง) อยู่มาตั้งหลายวัน ไม่มีเวลา เพราะออกเช้ากลับดึกตลอด เพิ่งจะได้โอกาสคืนสุดท้ายก่อนกลับนี่เอง ปกติใช้บริการ Sunkus ที่ตึกที่พักตลอด เห็น 7-11, Lawson, Aeon ห่างไปประมาณ 50 เมตรก็เดินไปไม่ถึง เพราะไม่ใช่ทางผ่าน วันนี้เลยแวะเข้าไปดู แล้วก็เสียใจว่าทำไมไม่รู้จักเดินเลยมาบ้าง ของกินใน Aeon น่าสนใจไม่น้อยเลย แถมยังได้แปรงสีฟันที่ใช้ดีๆ เหมือน M's one ที่ lawson อีกด้วย

เสร็จแล้วก็เดินกลับไปที่ Tokyu ตรงสถานี Gotanda สี่ทุ่มแล้ว Super ลดราคาอาหาร 30% เลยได้มื้อเช้าวันกลับ ราคาถูกเป็นพิเศษกลับที่พัก อาบน้ำแล้วก็แพ็คของเตรียมกลับบ้าน

ผู้ติดตาม


View My Stats